วันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2557

UNLOCK JEWELRY ถ่ายภาพเครื่องประดับ

UNLOCK JEWELRY ถ่ายภาพเครื่องประดับ
lookcamera jewelry photo
ความท้าทายแรก คือการทำให้ลูกค้าของคุณตัดสินใจซื้อเครื่องประดับได้นั้น ขึ้นอยู่กับ รูปภาพของคุณ ไม่ว่าจะเป็น แหวนเพชร ต่างหู สร้อยคอ สร้อยข้อมือ ถ้ารูปสวยแน่นอนว่า จะสามารถดึงดูดลูกค้าให้ตัดสินใจซื้อได้ทันที สำหรับการถ่ายเครื่องประดับนั้น ต้องพยายาม นำเสนอรายละเอียดของสินค้า ความเงา ขนาดที่สามารถบอกได้จากรูปภาพ การสวมใส่เป็นแบบไหน สิ่งเหล่านี้จะสามารถทำให้รูปภาพสินค้าของคุณ เชื่อมต่อกับ ความรู้สึกของลูกค้าได้เต็มที่

jewelry pic
อุปกรณ์ในการถ่ายภาพ
Camera (กล้องที่สามารถปรับแต่งค่าได้)
Macro Lens (เลนส์มาโคร เพื่อเก็บรายละเอียด)
Remote Control (ป้องกันการสั่นจาการ กดชัตเตอร์)
Reflector Black & White
                               
โหมดของการถ่ายภาพที่แนะนำ
Macro (ดอกไม้)
Aperture Priority (AV)
Manual (M)

สิ่งที่สามารถนำมาช่วยในการถ่ายภาพ
jewelry image
เริ่มต้นที่การเลือกแหล่งกำเนิดแสง 
ควรคำนึงถึงระยะของการให้แสงสว่าง ไม่ว่าจะเลือกแหล่งกำเนิดแสงแบบไหน ลองมองหาแสงที่ไม่สร้างเงาที่แข็ง ไม่สร้างแสงสะท้อนที่ทำให้สูญเสียบางส่วนของภาพ สำหรับ เครื่องประดับเราจะเลือกใช้แสงนุ่ม โดยแสงสว่างที่สะท้อนลงบนตัวสินค้า จะต้องเป็นแสงที่อ่อนโยน ให้เหมาะสมกับเครื่องประดับ โดยมากจะเห็นหลายๆ ภาพ แทบจะไม่มีส่วนที่เกิดแสงแข็งจนทำให้รายละเอียดของสินค้าบางส่วนหายไป และในเรื่องของเงา เราจะปล่อยบางส่วนให้เกิดเงาในบางครั้ง (แต่เป็นเงาที่เกิดจากแสงที่อ่อนโยน) โดยสังเกตที่เงามืด จะไม่ดำสนิท จะออกสีดำ-เทา หรือ สีดำจางๆ นั้นคือเงาที่จะทำให้ความของคุณไม่สูญเสียความสวยงามของเครื่องประดับนั้นๆ เพราะฉะนั้นในกรณีที่ใช้อุปกรณ์ถ่ายภาพสินค้า ลองขยับปรับเปรียบแหล่งกำเนิดแสงทุกครั้ง พยายามหาต่ำแหน่งที่ชอบให้เจอ ส่วนในเรื่องของแสงภายนอก เช่น แสงจากหลอดไฟในห้อง แนะนำให้ปิด เพื่อลดแสงรบกวนที่จะทำให้แสงเงาบนตัวสินค้าเกิดความผิดพลาดในเรื่อง White balance และ แสงเงา
pic jewelry 
เรื่องสีของแสง 
ในการถ่ายภาพทุกครั้ง ควรที่จะวัดค่าของ White Balance เป็นอันดับแรก เพื่อป้องกันไม่ให้สีของสินค้าไม่ตรงกับความเป็นจริง และ ควรเลือกหลอดไฟที่ให้ความสว่างและสีที่ถูกต้องเพื่อช่วยให้ถ่ายภาพได้ง่ายยิ่งขึ้น

การเลือกฉากหลังสำหรับถ่ายภาพเครื่องประดับ แบ่งออกเป็น 2 แบบหลักๆ

1. การถ่ายภาพแบบพื้นหลังหรือฉากหลังเรียบ ไม่ว่าจะเป็นพื้นหลังสีขาว สีดำ สีไม้ เป็นต้น การเลือกพื้นหลังในลักษณะแบบนี้จะสามารถช่วยในเรื่องของการทำให้สินค้าหรือเครื่องประดับดูโดดเด่นออกมาจากพื้นหลัง สำหรับเครื่งประดับที่มีสีอ่อนหรือเป็นวัสดุที่สะท้อนได้ง่าย มีความจำเป็นอย่างมากที่ต้องใช้แสงไฟที่นุ่ม อาจจะส่องจากด้านหลัง หรือ ด้านข้าง เพื่อช่วยในเรื่องของการโชว์รายละเอียดของสินค้า เพื่อไม่ให้ฉากหลังกลืนหายไป แนะนำให้ลองใช้เต็นท์ถ่ายภาพ หรือ กล่องถ่ายภาพ จะสามารถช่วยให้ถ่ายภาพออกมาดูสวยงามอย่างมาก
2. การเลือกฉากหลังแบบมีรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นผ้าลาย กระดาษลาย หรือ พื้นหลังที่มีหลายวัสดุ หลายสี เป็นต้น การใช้ฉากหลังหรือพื้นหลังแบบนี้ จะสามารถช่วยในเรื่องสร้างบรรยากาศ และ สื่ออารมณ์ของภาพได้อย่างชัดเจน เช่น การที่เราเลือกใช้กระดาษ หรือ หนังสือเก่าๆ แผ่นไม้ หรือ แผ่นหนัง มาทำเป็นฉากหลัง จะทำให้เครื่องประดับนั้น ดูมีความโบราณได้อย่างง่ายดาย แต่บางครั้งควรระวังในเรื่องของแสงสีที่ตัดกัน ของสินค้าและฉากหลัง ในส่วนนี้สามารถใช้ลูกเล่นของ Depth of Field หรือเทคนิคการปรับ หน้าชัด หลังเบลอ มาช่วยได้ จะทำให้ได้ภาพที่สวยอย่างน่าหลงใหลเลยที่เดียว
 photo product

การวางกรอบ หรือ มุมกล้อง สำหรับการถ่ายภาพเครื่องประดับลูกค้าของคุณคงอยากเห็นอะไรที่มากกว่าแค่สินค้าที่เป็นเครื่องประดับในรูป ในจุดนี้ลองปลดปล่อยพื้นหลัง ฉากหลัง บรรยากาศโดยรอบออกมากับรูปภาพด้วยในบางครั้ง อย่ากังวลว่าจะเห็นขอบโต๊ะ ขอบเก้าอี้ หรือ กำแพงห้อง พยายามจัดวางสินค้าของคุณในหลายๆ ต่ำแหน่ง บน ล่าง ซ้าย ขวา หลักการนั้นก็คือ การปล่อยให้ภาพสินค้าของคุณลอยอย่างอิสระในภาพถ่าย แล้วจะเห็นความน่าอัศจรรย์ในบางครั้งที่เราถ่ายภาพที่ไม่ได้ยึดติดกับหลักเดิมๆ
อุปกรณ์ตกแต่งภาพ การวัดขนาด และ แนวทางในการถ่ายภาพ
เริ่มต้นในการหาสิ่งเหล่านี้ได้จากกล่องเครื่องประดับของคุณ โดยการนำมาใช้เป็นอุปกรณ์ประกอบฉาก หรืออาจจะเป็นชุดเสื้อผ้าสวยๆ ก็สามารถนำมาใช้ได้เช่นกัน

แต่สำหรับการถ่ายเครื่องประดับนั้น ถ้าไม่มั่นใจในแนวทางที่จะถ่าย หรือ ยังไม่มีไอเดียดีๆ ก็สามารถเลือกแบบการถ่ายพื้นเรียบธรรมดาก็เพียงพอเช่นกัน­­­
product photography
Content by Lookcamera ถ่ายภาพสินค้า

จำหน่ายชุดอุปกรณ์ถ่ายภาพสินค้า เต็นท์ถ่ายภาพ สตูดิโอถ่ายภาพสินค้า

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
http://www.lookcamera.com
http://www.facebook.com/lookcamerashop

วันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2557

UNLOCK ถ่ายภาพกระเป๋า ถ่ายกระเป๋าสตางค์ กระเป๋าทำมือ และ รายละเอียดต่างๆ

การถ่ายภาพสินค้า ตอน ถ่ายกระเป๋า ถ่ายกระเป๋าสตางค์ และ อุปกรณ์ต่างๆ

ถ่ายกระเป๋า

รายละเอียด และ จุดเด่นต่างๆ ของสินค้าทำมือ หรือ Handmade Product โดยเฉพาะ กระเป๋าสะพาย กระเป๋าถือ กระเป๋าสตางค์ และ อุปกรณ์ต่างๆ ล้วนแต่เป็นสิ่งสำคัญของการขายสินค้าประเภทนี้อย่างมาก

เนื่องจากรายละเอียด และ จุดเด่นที่ผู้ทำได้ใส่เข้าไปในตัวสินค้า จึงทำให้กระเป๋าทำมือมีความแตกต่างจาก กระเป๋าทั่วๆไป ในตลาด

ดังนั้น การถ่ายภาพสินค้าประเภทนี้ การถ่ายภาพของรายละเอียด และ จุดเด่น ของงานทำมือ จึงเป็นสิ่งที่ต้องระวังอย่างยิ่ง เพื่อให้เกิดความได้เปรียบในการแข่งขัน และ ทำให้เกิดความแตกต่างจากสินค้าในตลาดทั่วๆไป


อุปกรณ์ในการถ่ายภาพ
Camera ( กล้องที่สามารถปรับแต่งค่าได้ )
Lens ( เลนส์ที่เหมาะกับแนวการถ่ายนั้นๆ )
Battery & Memory Card
Studio Set ( ช่วยในเรื่องของการถ่ายถาพ การกระจายแสง การสร้างแสงเงา )

โหมดของการถ่ายภาพที่แนะนำ
Macro ( ดอกไม้ )
Portrait
Aperture Priority ( AV )
Manual ( M )

สิ่งที่สามารถนำมาช่วยในการถ่ายภาพ
Tripod ( ช่วยลดการสั่นของภาพถ่าย )
Reflector ( แผ่นสะท้อนแสง ช่วยในการ ลบเงาในบางพื้นที่ )
Craft Tools & Material ( อุปกรณ์และวัสดุที่เกี่ยวข้องกับงาน )
ทางเลือกในการถ่ายภาพสินค้าด้วย Studio Set

ถ่ายกระเป๋าทำมือ

เริ่มต้นที่การเลือกแหล่งกำเนิดแสง


ควรคำนึงถึงระยะของการให้แสงสว่าง โดยลองปรับระยะห่างระหว่างตัวสินค้า และ แหล่งกำเนิดแสง เพื่อสร้างบรรยากาศที่เหมาะสม สำหรับ รูปภาพที่เราต้องการ ตัวอย่างเช่น การวางแหล่งกำเนิดแสงให้ใกล้กับตัวสินค้า สามารถสร้าง พื้นที่ที่มีความสว่างเฉพาะคู่กับพื้นที่ที่มีเงามืด อยู่ในภาพเดียวกัน จึงทำให้ตัวสินค้าดูเด่นออกจากภาพได้
หรือ การวางแหล่งกำเนิดแสงห่างออกจากตัวสินค้า ก็สามารถทำให้ภาพดูมีความสมดุลในเรื่องของแสงได้มากกว่า ทำให้สินค้าดูดีในแบบทันสมัย เป็นต้น

เรื่องสีของแสง

ในการถ่ายภาพทุกครั้ง ควรที่จะวัดค่าของ White Balance เป็นอันดับแรก เพื่อป้องกันไม่ให้สีของสินค้าไม่ตรงกับความเป็นจริง และ ควรเลือกหลอดไฟที่ให้ความสว่างและสีที่ถูกต้องเพื่อช่วยให้ถ่ายภาพได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

ถ่ายกระเป๋าหนัง

เลือกฉากหลังที่เหมาะสมกับตัวคุณ

Neutral ฉากหลังเรียบง่าย
ฉากหลังขาว การใช้ฉากหลังขาว เป็นทางเลือกที่ง่าย ดูดี เหมาะกับการถ่ายภาพสินค้าโดยเฉพาะ เพราะจะทำให้สินค้าดูโดดเด่นออกมาจากฉาก ทำให้สามารถโชว์รายละเอียดของสินค้าได้เต็มที่ ไม่ว่าจะในเรื่อง ขนาด สี วัสดุ เป็นต้น และเป็นที่นิยมมากสำหรับสินค้าแบรนด์เนม เพราะภาพที่ได้จะดูเป็นมืออาชีพมากกว่าแบบอื่นๆ

ส่วนฉากหลังที่เป็นไม้ สามารถสร้างความดึงดูด ได้ภาพที่ดูสุขุม ทำให้สินค้าดูมีเรื่องราวมากยิ่งขึ้น ลองมองหาไม้ในสีที่ชอบ และเลือกไม้แบบที่สะอาดๆ แล้วลองมาถ่ายกันดู

Textured ฉากหลังที่มีพื้นผิว
ไม่ว่าจะเป็น ไม้แบบหยาบ หิน ก้อนอิฐ ต้นหญ้า ทราย ฯลฯ ฉากหลังแบบนี้จะสร้างความตรงกันข้าม กับ ความรู้สึกของวัสดุที่เป็นหนังได้เหมือนกัน การเลือกใช้แนวนี้จะสามารถสร้างบรรยากาศที่แตกต่าง ให้ความรู้สึกของสินค้านั้นๆ ในบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป

In Situ ฉากแบบใช้งาน แบบเดินทางไปด้วยกัน
ลองนำกระเป๋าไปถ่ายในบรรยากาศ Outdoor ใช้ความสวยงามโดยรอบ ไม่ว่าจะเป็นพื้นหลังแบบธรรมชาติ และ แสงแบบธรรมชาติ ในกรณ๊ที่ต้องการถ่ายแบบนี้ ลองมองหาวันเวลาที่เหมาะสม เลือกมุมหรือพื้นที่ที่ไม่มี เงา หรือ ย้อนแสง เป็นต้น

Framing & Viewpoint


ลองเปรียบเทียบตัวคุณเป็นลูกค้าของคุณ เพื่อที่จะพัฒนาภาพถ่ายของสินค้าให้โดยใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น จะซื้อกระเป๋าใบใหม่ที่ไหน อยากเห็นกระเป๋าจากด้านหน้า ด้านหลัง ด้านข้าง หรือ ขณะวางไว้หน้าประตูห้อง กระเป๋ามีช่องให่ใส่ของแบบไหน กี่ช่อง เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถเลือก มุมกล้องว่าจะไปโฟกัสที่ตรงไหน สำหรับ accessories ต่างๆ โดยมาตรฐาน สามารถเลือกถ่ายที่มุม 45 องศา เพราะจะทำให้อุปกรณ์นั้นๆ เติมเต็มกรอบของภาพได้พอดี และ อย่าลืมที่จะ zoom ภาพ เก็บรายละเอียดของกระเป๋าในจุดที่เราคิดว่า เราแตกต่าง เป็นต้น

ถ่ายรูปกระเป๋า

Props, Scale & Styling


กระเป๋า หรือ กระเป๋าสตางค์ ที่มีกระดาษใส่ไว้ด้านใน เป็นสิ่งสำคัญในการทำให้สินค้ามีชีวิต และ ได้ภาพที่ทำให้ลูกค้าสัมผัสถึงขนาดและความรู้สึกจริงๆ ของตัวสินค้า มากกว่าที่จะถ่ายภาพแบบธรรมดา สำหรับการถ่ายภาพกระเป๋า ลองใช้อุปกรณ์ตกแต่งภาพเพื่อสร้างบรรยากาศโดยรอบ แต่ อย่าใช้มากเกินไป เติมเต็มภาพด้วยสินค้าเป็นหลัก และ อย่าลืมเว้นที่ว่างให้หายใจ เพื่อที่จะทำให้สินค้านั้น มีที่ว่างให้สามารถสื่อสารกับลูกค้าได้

lookcamera ถ่ายกระเป๋า
lookcamera product list

LOOKCAMERA ถ่ายภาพสินค้า

www.lookcamera.com
www.facebook.com/lookcamerashop 

วันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2557

พื้นฐานก่อนเริ่มต้นถ่ายภาพสินค้า ตอนที่ 3 (ตอนจบ)

พื้นฐานก่อนเริ่มต้นถ่ายภาพสินค้า ตอนที่ 3 (ตอนจบ)

ถ่ายรูปสินค้า

โฟกัส (Focus)

โฟกัส คือ สิ่งที่วัดว่าจะให้ภาพของเราอยู่ในโฟกัสแค่ไหน ชัดตื้น หรือ ชัดลึก นั้นขึ้นกับความสร้างสรรค์ของช่างภาพ แต่สำหรับการถ่ายภาพสินค้านั้น จะต้องมีจุดโฟกัสอย่างน้อยที่สุดหนึ่งจุด คือ จุดที่มีความชัด มองเห็นรายละเอียดได้อย่างชัดเจน และ ควรจะเลือกจุดโฟกัสโดยมองหาจุดเด่นของสินค้านั้นๆ

โดยปกติ การถ่ายภาพแบบ Soft focus effect หรือ blur  เป็นที่นิยมในการสื่อความรู้สึกของอารมณ์ได้เป็นอย่างดี แต่การถ่ายสินค้านั้น เราควรจะจับโฟกัสของสินค้าให้ชัดเจนมากที่สุด เพื่อที่จะให้ลูกค้าสามารถมองเห็นได้ว่าสินค้าที่เค้าจะได้รับนั้นเป็นสินค้าแบบไหน
ปัจจัยที่ส่งผลโดยตรงกับการจับโฟกัสของภาพ คือ ความสว่างและการสั่น ถ้าภาพที่ถ่ายมีความมืดเกินไป หรือ สว่างเกินไป ก็จะทำให้กล้องไม่สามารถจับโฟกัสของสินค้านั้นได้ หรือ ถ้ากล้องที่ใช้เคลื่อนไหว สั่น ได้ง่ายในขณะถ่ายภาพ ก็จะไม่สามารถจับโฟกัสได้เช่นกัน

6 ข้อง่ายๆ เพื่อช่วยในการควบคุมโฟกัสของภาพให้ดียิ่งขึ้น
  1. ลบรูปและลองใหม่อีกครั้ง เพราะเราไม่สามารถใช้ Post-processing เช่น Photoshop ในการแก้ไขภาพที่หลุดโฟกัสได้ โดยเฉพาะถ่ายภาพสินค้า เราควรจะถ่ายภาพให้ออกมาชัดด้วยการโฟกัสถูกต้องตั้งแต่แรก สำหรับการถ่ายภาพสินค้า หลีกเลี่ยงการใช้ Sharpening เพราะจะทำให้เกิดความสับสนระหว่างโฟกัสของภาพจริงๆ
  2. ตรวจสอบระยะโฟกัสของกล้องและตัวสินค้า เพื่อมั่นใจว่าระยะหว่างที่เราใช้นั้นสามารถจับโฟกัสได้อย่างเต็มที่ บางครั้งการถ่ายใกล้ไปจะไม่สามารถจับโฟกัสของภาพได้เลย
  3. ใช้คุณสมบัติของกล้องให้เต็มที่ ลองกดปุ่มชัตเตอร์ครึ่งนึง เพื่อวัดและจับโฟกัสของภาพ ลองทำจนได้โฟกัสที่ถูกต้อง
  4. วางกล้องให้อยู่ในต่ำแหน่งที่มั่นคง ป้องกันการสั่นง่ายๆ อาจจะใช้ Tripod หรือ timer ในเพื่อลดการสั่น
  5. ตรวจสอบแบตเตอรี่ เพราะการที่แบตเตอรี่อ่อน จะส่งผลให้กล้องไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่
  6. ลองใช้ Manual focus ในการถ่ายภาพสินค้า เพราะจะช่วยให้จับโฟกัสได้ละเอียดขึ้น
ถ่ายภาพสินค้า

กล้องถ่ายรูปแบบไหน เหมาะกับการถ่ายภาพสินค้า

Resolution ความละเอียดคมชัด
รูปภาพจากกล้องถ่ายรูปสร้างมาจากจุดเล็กจำนวนมาก ที่เรียกว่า Pixel และจุดเหล่านี้จะเก็บสีที่บันทึกไว้ แล้วนำมารวมกันเป็นภาพถ่าย เพราะฉะนั้นการเลือกความละเอียดของกล้องที่สูง จะได้ภาพที่คมชัดยิ่งขึ้น และ ยังสามารถบันทึกภาพในขนาดที่ใหญ่ขึ้นได้ด้วย

Lens Features คุณสมบัติของเลนส์
คุณสมบัติหลักที่ต้องคำนึงในการเลือกซื้อเลนส์คือ Aperture หรือรูรับแสง และ ความสามารถในการซูมเลนส์นั้นๆ โดย ควรที่จะเลือกให้เหมาะกับการใช้งานสำหรับสินค้านั้นๆ เช่นการถ่ายภาพ เครื่องประดับ เพชร สร้อยคอ อาจจะต้องการความสามารถของเลนส์เฉพาะ เพื่อที่จะเก็บรายละเอียดดเล็กๆได้อย่างครบถ้วน

Brands ยี่ห้อของกล้อง
การเลือกกล้องถ่ายรูปนั้น ยี่ห้อแต่ละยี่ห้อ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจส่วนตัว และ ประสบการณ์การใช้งานที่ผ่านๆ มา ซึ่งกล้องแต่ละยี่ห้อจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป เพราะฉะนั้นในการเลือกซื้อกล้องถ่ายรูป ลองศึกษา และ ลองใช้งานก่อนการตัดสินใจ

Camera Features คุณสมบัติของกล้องถ่ายรูป
สำหรับการถ่ายภาพสินค้า มี 3 สิ่งหลักที่ต้องพิจารณา
1.  จอ LCD เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบภาพถ่าย
2.  Self-Timer เพื่อใช้ในบางเหตุการณ์ที่ต้องถ่ายภาพโดยหลีกเลี่ยงการสั่นสะเทือน
3.  Focus เพื่อปรับระยะโฟกัส จุดโฟกัสได้ง่าย ตามต้องการ
 ถ่ายสินค้า

Customer Service ศูนย์บริการดีหรือไม่
ก่อนการเลือกซื้อกล้องนั้น อย่าลืมลองเดินดูที่ให้บริการต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่า ศูนย์บริการนั้น บริการเราอย่างเต็มประสิทธิภาพ

RENT or Buy Second-hand เช่า/ยืม/ซื้อกล้องมือสองมาลองก่อนการตัดสินใจ
บางครั้งก่อนการตัดสินใจ ลองมองหากล้องมือสอง หรือ เช่ายืม มาใช้เพื่อให้มั่นใจว่ากล้องที่เรากำลังจะซื้อนั้น สามารถตอบสนองความต้องการในการใช้งานได้อย่างเต็มที่

ในการเลือกซื้อกล้องถ่ายรูปสำหรับถ่ายรูปสินค้า พยายามเลือกคุณสมบัติของกล้องถ่ายรูป ตามความต้องการจริงๆ ไม่ควรที่จะซื้อจนเกินกว่าความจำเป็น หรือ ถ้าไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อแบบไหนจริงๆ ลองมองกลับมาหากล้องตัวเก่าของคุณ ลองฝึกฝนใช้งานอีกครั้ง หรือเพิ่มอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อช่วยในเรื่องของภาพให้ออกมาดียิ่งขึ้น
ติดตามตอนต่อไป กับ "วางแผนถ่ายภาพสินค้า เพิ่มยอดขายได้ง่ายๆ" 

Content by Lookcamera ถ่ายภาพสินค้า

ชุดอุปกรณ์ถ่ายภาพสินค้า เต็นท์ถ่ายภาพ สตูดิโอถ่ายภาพสินค้า

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
http://www.lookcamera.com
http://www.facebook.com/lookcamerashop

วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2557

พื้นฐานก่อนเริ่มต้นถ่ายภาพสินค้า ตอนที่ 2


พื้นฐานก่อนเริ่มต้นถ่ายภาพสินค้า ตอนที่ 2

รูรับแสง กับ การถ่ายภาพสินค้า ( Aperture )

Aperture หรือ f/stop หมายถึง ขนาดของรูรับแสงที่ปล่อยให้แสงผ่านไปยังเซ็นเซอร์

ถ้าค่า Aperture หรือ f/stop ต่ำ ตัวอย่างเช่น f/2 หมายถึง ขนาดรูรับแสงจะเปิดกว้างเพื่อให้แสงผ่านเข้าไปได้มาก ถ้าค่า Aperture หรือ f/stop สูง ตัวอย่างเช่น f/16 หมายถึง ขนาดของรูรับแสงจะเปิดแคบ แสงจะผ่านได้น้อย

ในขณะที่รูรับแสงมีผลกับความสว่างของภาพ ยังส่งผลไปยังความชัดตื้น ชัดลึกของภาพ หรือDepth of  Field (DoF) ถ้าค่า Aperture หรือ f/stop ต่ำ ตัวอย่างเช่น f/2 หมายถึง ภาพจะมีความชัดตื้น เน้นการเก็บรายละเอียดเป็นจุด และปล่อยให้พื้นหลังเบลอ ซึ่งทำให้ภาพโดยรวมดูเหมือนกับความฝัน แต่ถ้าค่า Aperture หรือ f/stop สูง ตัวอย่างเช่น f/16 หมายถึง ภาพจะมีความชัดลึก ภาพที่ได้จะมีความคมชัด เน้นเก็บรายละเอียดทั้งภาพ

สำหรับการถ่ายภาพสินค้า ลองตั้งค่าตามความชอบส่วนบุคคล ถ้าอยากได้ภาพที่ดูเหมือนสินค้าในความฝัน ตั่งค่า f/stop ต่ำ
หรือ ถ้าต้องการเก็บรายละเอียดของภาพมากๆ เพื่อให้ดูว่าสินค้าชิ้นนั้น เป็นสินค้าที่ประณีต ทำด้วยมือ เป็นต้น

lookcamera ถ่ายภาพสินค้า

ความเร็วชัตเตอร์ กับ การถ่ายภาพสินค้า ( Shutter Speed )

ชัตเตอร์ในกล้องถ่ายรูป มีหน้าที่ในการเปิด-ปิด เพื่อควบคุมปริมาณแสงที่จะผ่านเข้าไปยังเซ็นเซอร์ โดยจะควบคุมในหน่วยของวินาที ตัวอย่างเช่น 1/100 คือการเปิด-ปิดชัตเตอร์อย่างรวดเร็วเพื่อให้ปริมาณแสงผ่านเข้าไปได้ในปริมาณน้อย ส่วนการที่ตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์ที่ 1/1 คือการให้ปริมาณแสงผ่านเข้าไปได้ในปริมาณที่มาก เป็นต้น
 
ในการที่ตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์ที่ต่ำ จะทำให้ภาพรับแสงผ่านเข้ามาได้มาก ซึ่งทำให้ได้ภาพที่ได้จะสว่าง แต่บางครั้งการที่เราถ่ายภาพแล้วเกิดการสั่นสะเทือนระหว่างการเปิด-ปิด ของชัตเตอร์ จะทำให้ได้ภาพที่สั่น เบลอ จึงควรระวัง ในเรื่องของการตั้งค่าชัตเตอร์ให้เหมาะสมสำหรับถ่ายภาพนั้นๆ หลักง่ายๆ นั้นพยายามอย่าตั้งค่าที่ต่ำกว่า 1/30 เพราะจะมีโอกาสได้ภาพที่สั่น ในกรณีที่จำเป็นต้องถ่ายด้วยค่าความเร็วชัตเตอร์ที่ต่ำกว่า 1/30 สามารถมองหา ขาตั้งกล้อง เพื่อช่วยให้ถ่ายภาพได้คมชัดยิ่งขึ้น

สำหรับการถ่ายภาพสินค้า พยายามตั้งค่าที่เกินกว่า 1/30 ก็จะอยู่ในช่วงที่ปลอดภัย
ได้ภาพที่ออกมาสว่างและมีโฟกัสของภาพ อย่างแน่นอน
 
ถ่ายรูปสินค้า

ความไวแสงของเซ็นเซอร์กล้อง ( Exposure หรือ ISO )

การตั้งค่าความไวแสงของเซ็นเซอร์ คือ การตั้งค่าว่าให้เซ็นเซอร์มีความเร็วในการบันทึกแสงเร็วแค่ไหน โดยการทำงานนี้จะรับแสงหลังจากที่ผ่านการตั้งค่า f/stop และ ความเร็วของชัตเตอร์มาแล้ว ค่าความไวแสงของเซ็นเซอร์จะส่งผลโดยตรงกับภาพในด้านของ สี ความชัด และ รายละเอียดของภาพ

ค่าความไวแสงของเซ็นเซอร์จะถูกควบคุมด้วยค่า ISO โดยถ้าตั้งค่า ISO ต่ำ ตัวอย่างเช่น ISO 100หมายความว่า ความไวแสงของเซ็นเซอร์จะช้า บันทึกหรือซึมซับแสงได้น้อย โดยมากจะนิยมใช้กันในกรณีที่ถ่ายรูปสินค้าที่มีแสงสว่างมากเพียงพอ แต่ถ้าตั้งค่า ISO สูง ตัวอย่างเช่น ISO 5000หมายความว่า ความไวแสงของเซ็นเซอร์จะไวต่อการบันทึกและซึมซับแสงได้มากยิ่งขึ้น โดยมากจะใช้ในกรณีที่มีแสงน้อย แต่การตั้งค่า ISO สูง จะมีข้อเสียในเรื่องของ Noise ซึ่งทำให้ภาพที่ออกมาเป็นจุดๆ ไม่เนียนเรียบเหมือนกับภาพทั่วไป
 ถ่ายรูปสินค้า lookcamera

THE HISTOGRAM

การอ่านค่า Histogram หรือ ตารางวัดความสมดุลของแสง เป็นกุญแจสำคัญในการตั้งค่าความไวแสงของเซ็นซอร์กล้อง โดยเราสามารถอ่านค่านี้จากจอแสดงผลหลังกล้องถ่ายรูป หรือ ในโปรแกรมแต่งภาพทั่วๆไป
โดยทางด้านซ้ายมือ จะเป็น ค่าของความมืด/ดำ และ ทางด้านขวามือ จะเป็นค่าของความสว่าง/ขาว ความสูงของกราฟจะบอกถึงค่าของความสว่าง และ ส่วนยอดแหลมจะบอกถึงค่าพื้นที่ที่ไม่สามารถจับรายละเอียดได้ หรือ อาจแปลว่าได้ภาพเป็นสีขาว หรือ ดำ จนไม่สามารถเก็บรายละเอียดนั้นๆได้ ซึ่งค่านี้ไม่ได้หมายความว่าถ้ารูปทรงของกราฟ Histogram ที่ดูดีดูสมดุล เหมือนกับระฆังคว่ำ จะทำให้ได้ภาพที่สวยงาม เพราะภาพบางภาพจะมีรูปทรงของกราฟที่ไม่สมดุล แต่ดูออกมาสวยงามกว่ากราฟที่สมดุลได้เช่นกัน
 
สำหรับการถ่ายภาพสินค้า ควรที่จัดแสงไฟให้มีความสว่างมากพอ และไม่ควรเลือก ISO ที่ไม่ค่าสูง 
ถ่ายสินค้า

สี กับ การถ่ายภาพสินค้า

สีกับการถ่ายภาพสินค้าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการเลือกซื้อสินค้านั้น สีเป็นปัจจัยอันดับต้นๆ ในตามความชอบของผู้บริโภค สีของสินค้าในภาพถ่าย ควรที่จะเหมือนกับสีของสินค้าจริงๆ ที่เรามองเห็น

หลอดไฟที่ใช้ในการถ่ายภาพสินค้า ควรเลือกใช้หลอดไฟที่มีกำลังไฟมากพอที่จะเก็บรายละเอียดต่างๆ และ ให้สีของแสงที่ถูกต้อง หรือ เป็นแสงที่ออกสีขาว เพื่อไม่ส่งผลกระทบต่อสีของสินค้าให้เปลี่ยนไปจากความเป็นจริง รวมไปถึงแสงเงาสะท้อนที่เกิดจากแสงไฟ ให้สีของเงามีความเป็นประกายที่ถูกต้อง
การตั้งค่า White Balance ที่ถูกต้องเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยปรับอุณหภูมิสีของภาพให้ถูกต้อง โดยการตั้งค่านั้น วิธีง่ายๆ ในกรณีที่ไม่มีอุปกรณ์ ลองใช้กล้องถ่ายรูปจับสีขาว และ ปรับ white balance จนได้ภาพที่เป็นสีขาวจริงๆ แล้วจะทำให้สีอื่นๆ จะถูกต้องตามมาเช่นเดียวกัน สำหรับมืออาชีพสามารถใช้ แผ่นตั้งค่า white balance สีขาว และ สีเทา ที่มีขายในท้องตลาดเพื่อตั้งค่า white balance ที่ถูกต้องก่อนการเริ่มถ่ายภาพ
 
ข้อควรระวัง การที่เราใช้สีของแสงที่ไม่เหมือนกันในการถ่ายภาพสินค้า เช่น ใช้แสงธรรมชาติผสมกับแสงจากโคมไฟ จะทำให้กล้องไม่สามารถที่จะจับอุณหภูมิสีที่ถูกต้องได้ ส่วนการใช้ฉากหลังที่มีสีในการถ่ายภาพสินค้า ควรที่จะระวังเรื่องสีของฉากหลังสะท้อนลงบนตัวสินค้า และทำให้สินค้าสีเปลี่ยนจากสีจริงได้

ติดตาม บทความต่อๆไป เร็วๆนี้...

Content by Lookcamera ถ่ายภาพสินค้า

ชุดอุปกรณ์ถ่ายภาพสินค้า เต็นท์ถ่ายภาพ สตูดิโอถ่ายภาพสินค้า

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
http://www.lookcamera.com
http://www.facebook.com/lookcamerashop

วันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2557

พื้นฐานก่อนเริ่มต้นถ่ายภาพสินค้า ตอนที่ 1


พื้นฐานก่อนเริ่มต้นถ่ายภาพสินค้า ตอนที่ 1

การถ่ายภาพ คือ วาดเส้นแสง โดยแสงจะถูกวาดเมื่อผ่านเลนส์และตัวเซ็นเซอร์ของกล้องถ่ายรูป หลังจากนั้นเส้นแสงจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นภาพถ่ายเหมือนกับภาพที่เรามองเห็นได้ เพราะฉะนั้นหลักเริ่มต้นของการถ่ายภาพที่ดี โดยเฉพาะการถ่ายภาพสินค้านั้น เรื่องของแสงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก

แสงนุ่ม vs แสงแข็ง

ไม่ว่าจะเป็นแสงธรรมชาติ หรือ แสงจากแหล่งกำเนิดแสงอื่นๆ เช่นหลอดไฟ โคมไฟต่างๆ จะมีทั้ง แสงที่นุ่ม และ แสงที่แข็ง
แสงนุ่ม คือ แสงที่มาจากแหล่งกำเนิดแสงที่มีขนาดใหญ่ พื้นที่การให้แสงสว่างใหญ่กว่าขนาดของสินค้า หรือ แสงที่ผ่านจากตัวกรองแสง ซึ่งทำให้แสงดูอ่อนนุ่ม อ่อนโยน และ มีเงาที่น้อยลง

แสงแข็ง
 คือ แสงที่มาจากแหล่งกำเนิดแสงที่มีขนาดเล็ก พื้นที่การให้แสงสว่างเล็กกว่าขนาดของสินค้าและเป็นแสงที่ส่องโดยตรง ซึ่งจะทำให้เกิดเงามืดบนภาพถ่ายได้ง่าย

การเลือกแสงถ่ายภาพ ไม่มีคำว่าถูกหรือผิด แต่สำหรับการถ่ายภาพสินค้านั้น ควรเลือกใช้แสงที่นุ่มมาใช้ถ่ายภาพ เนื่องจากแสงที่นุ่มจะนำความสว่างทอดไปตามตัวสินค้าได้ดีกว่า และ ทำให้สินค้าดูมีมูลค่า ดูน่าซื้อมากกว่าแสงที่แข็ง โดยแสงเงาที่เกิดขึ้นบนตัวสินค้า คือหัวใจหลักในการสร้งความรู้สึก และ มิติของความรู้สึกของสินค้านั้นๆ

ถ่ายรูปสินค้า


ลักษณะการจัดแสงไฟถ่ายภาพสินค้าเบื้องต้น

Backlight หรือ แสงที่มาจากทางด้านหลังของสินค้า คือการใช้แสงสร้าง Rim lighting หรือ เส้นขอบที่เกิดจากแสงรอบตัวสินค้า เป็นเทคนิคที่นิยมมากเพื่อที่จะแยกสินค้าออกจากพื้นหลังได้อย่างชัดเจน และ สามารถสร้าง highlight ที่ดูอบอุ่น หรือ สร้างความเปล่งประกายบนขอบของตัวสินค้าได้เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตาม backlight จะทำให้เกิดเงา และ เกิดพื้นที่มืดทางด้านหน้าของตัวสินค้าได้ง่าย

Sidelight หรือ แสงที่มาจากทางด้านข้างของสินค้า แสงจะกระจายความสว่างออกเป็นระยะๆ โดยด้านตรงข้ามของแสงจะเกิดเงามืด เพราะฉะนั้นการเลือกใช้ sidelight ควรใช้ทั้ง 2 ข้างเพื่อสร้างความสมดุลของแสง และ เงาของภาพถ่าย

Frontlight หรือ แสงที่มาจากด้านหน้าของสินค้า แสงจากด้านหน้าจะนิยมใช้กันในกรณีที่ต้องการทำให้พื้นหลังเกิดเงามืด ตัวอย่างเช่น การใช้พื้นหลังสีขาวสามารถเปลี่ยนเป็นพื้นหลังสีเทาได้โดยการจัดไฟแบบนี้ ถ้าใช้ Front light ส่องแสงสว่างจากด้านหน้าเข้าหาตัวสินค้า

Toplight หรือ แสงจากด้านบนของสินค้า แสงนี้จะช่วยในการลบเงาสินค้าด้านบน แต่ไม่สามารถให้แสงสว่างทางด้านข้างของตัวสินค้าได้ จึงเหมาะสำหรับใช้ในการประกอบกับไฟจากทิศทางอื่นๆ ความสำคัญของ toplight คือการเพิ่มความสมดุลของแสงสว่าง และ ช่วยในการสร้างเส้นแสงบนตัวสินค้าจากทางด้านบนเพื่อให้เส้นแสงต่อกันดูสวยงามมากยิ่งขึ้น และสามารถเก็บรายละเอียดของสินค้าได้ชัดเจนยิ่งขึ้นอีกด้วย

ปรับสมดุลของแสงเพื่อให้ได้ภาพสินค้าตามต้องการ

จุดสมดุลของแสงและเงา สำหรับการถ่ายภาพเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก เพราะถ้าแสงที่น้อยเกินไป จะทำให้ได้ภาพที่ได้รบกวนจิตใจและเสียความรู้สึกเป็นอย่างยิ่ง แต่อย่างไรก็ตาม มีวิธีง่ายๆ มาแนะนำในการสร้างสมดุลของแสงสว่างสำหรับถ่ายภาพสินค้าเบื้องต้น
ในกรณีที่ต้องการสร้างความสมดุลของแสงสำหรับถ่ายภาพสินค้า และ ลดแสงเงาที่เกิดขึ้นเนื่องจากแหล่งกำเนิดแสงมีแสงที่แข็งเกินไป สามารถใช้สิ่งที่โปร่งแสง อาจจะเป็นผ้าสีขาวบางๆ หรือ กระดาษบางๆ ที่โปร่งแสงมาช่วยลดความแข็งของแสงให้นุ่มขึ้น และช่วยกระจายแสงจากแหล่งกำเนิดแสงให้มีขนาดพื้นที่ที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม เพื่อทำให้แสงกระจายได้เท่าๆกัน และ กว้างมากยิ่งขึ้น หรือ สามารถใช้อุปกรณ์ถ่ายภาพเฉพาะในท้องตลาด เช่น สตูดิโอถ่ายสินค้า เต็นท์ถ่ายภาพสินค้า กล่องถ่ายภาพสินค้า ในการช่วยกระจายแสง สร้างความสมดุลได้ง่ายยิ่งขึ้น
ในกรณีที่ใช้โคมไฟอ่านหนังสือ โคมไฟทั่วไป ให้ระวังในเรื่องกำลังไฟ และ สีของแสง เนื่องจากจะมีผลกระทบต่อการถ่ายภาพสินค้าได้โดยตรง ซึ่งเป็นเหตุผลว่าในบางครั้ง เราใช้อุปกรณ์ DIY ในการถ่ายภาพสินค้าแล้วไม่ได้ภาพอย่างที่อยากได้ เนื่องจากแหล่งกำเนิดและสีเป็นสิ่งสำคัญ (เกี่ยวกับการเลือกใช้อุปกรณ์ ไว้ติดตามในบทความต่อๆไป)
 
ถ่ายรูปสินค้า lookcamera 

อย่าใช้แฟลชในการถ่ายสินค้าถ้าไม่จำเป็น

แฟลชเป็นที่นิยมในการถ่ายภาพทั่วๆไป เนื่องจากตัวกล้องถ่ายรูปในปัจจุบันจะมีแฟลชติดมาให้ในตัว เพื่อความสะดวก รวดเร็วในการถ่ายภาพ เพิ่มแสงสว่างให้ภาพได้ง่ายๆ แต่แฟลชจะไม่เหมาะกับการถ่ายภาพสินค้า เนื่องจากพื้นที่ของแฟลชมีขนาดเล็กและให้แสงสว่างที่ไม่เพียงพอ จึงไม่สามารถครอบคลุมพื้นที่ได้ทั่วถึง และ ด้วยเหตุนี้จะเกิดเงามืดในบริเวณที่แสงแฟลชไปไม่ถึงได้ง่ายๆ แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้แฟลชในบางกรณี ตัวช่วยในการกระจายแสงแฟลชเป็นตัวเลือกที่ดี เพื่อเพิ่มพื้นที่ และ ลดแสงแฟลชที่เป็นแสงแข็งได้อย่างดี
 

Content by Lookcamera ถ่ายภาพสินค้า

ชุดอุปกรณ์ถ่ายภาพสินค้า เต็นท์ถ่ายภาพ สตูดิโอถ่ายภาพสินค้า

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
http://www.lookcamera.com
http://www.facebook.com/lookcamerashop