วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2557

พื้นฐานก่อนเริ่มต้นถ่ายภาพสินค้า ตอนที่ 2


พื้นฐานก่อนเริ่มต้นถ่ายภาพสินค้า ตอนที่ 2

รูรับแสง กับ การถ่ายภาพสินค้า ( Aperture )

Aperture หรือ f/stop หมายถึง ขนาดของรูรับแสงที่ปล่อยให้แสงผ่านไปยังเซ็นเซอร์

ถ้าค่า Aperture หรือ f/stop ต่ำ ตัวอย่างเช่น f/2 หมายถึง ขนาดรูรับแสงจะเปิดกว้างเพื่อให้แสงผ่านเข้าไปได้มาก ถ้าค่า Aperture หรือ f/stop สูง ตัวอย่างเช่น f/16 หมายถึง ขนาดของรูรับแสงจะเปิดแคบ แสงจะผ่านได้น้อย

ในขณะที่รูรับแสงมีผลกับความสว่างของภาพ ยังส่งผลไปยังความชัดตื้น ชัดลึกของภาพ หรือDepth of  Field (DoF) ถ้าค่า Aperture หรือ f/stop ต่ำ ตัวอย่างเช่น f/2 หมายถึง ภาพจะมีความชัดตื้น เน้นการเก็บรายละเอียดเป็นจุด และปล่อยให้พื้นหลังเบลอ ซึ่งทำให้ภาพโดยรวมดูเหมือนกับความฝัน แต่ถ้าค่า Aperture หรือ f/stop สูง ตัวอย่างเช่น f/16 หมายถึง ภาพจะมีความชัดลึก ภาพที่ได้จะมีความคมชัด เน้นเก็บรายละเอียดทั้งภาพ

สำหรับการถ่ายภาพสินค้า ลองตั้งค่าตามความชอบส่วนบุคคล ถ้าอยากได้ภาพที่ดูเหมือนสินค้าในความฝัน ตั่งค่า f/stop ต่ำ
หรือ ถ้าต้องการเก็บรายละเอียดของภาพมากๆ เพื่อให้ดูว่าสินค้าชิ้นนั้น เป็นสินค้าที่ประณีต ทำด้วยมือ เป็นต้น

lookcamera ถ่ายภาพสินค้า

ความเร็วชัตเตอร์ กับ การถ่ายภาพสินค้า ( Shutter Speed )

ชัตเตอร์ในกล้องถ่ายรูป มีหน้าที่ในการเปิด-ปิด เพื่อควบคุมปริมาณแสงที่จะผ่านเข้าไปยังเซ็นเซอร์ โดยจะควบคุมในหน่วยของวินาที ตัวอย่างเช่น 1/100 คือการเปิด-ปิดชัตเตอร์อย่างรวดเร็วเพื่อให้ปริมาณแสงผ่านเข้าไปได้ในปริมาณน้อย ส่วนการที่ตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์ที่ 1/1 คือการให้ปริมาณแสงผ่านเข้าไปได้ในปริมาณที่มาก เป็นต้น
 
ในการที่ตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์ที่ต่ำ จะทำให้ภาพรับแสงผ่านเข้ามาได้มาก ซึ่งทำให้ได้ภาพที่ได้จะสว่าง แต่บางครั้งการที่เราถ่ายภาพแล้วเกิดการสั่นสะเทือนระหว่างการเปิด-ปิด ของชัตเตอร์ จะทำให้ได้ภาพที่สั่น เบลอ จึงควรระวัง ในเรื่องของการตั้งค่าชัตเตอร์ให้เหมาะสมสำหรับถ่ายภาพนั้นๆ หลักง่ายๆ นั้นพยายามอย่าตั้งค่าที่ต่ำกว่า 1/30 เพราะจะมีโอกาสได้ภาพที่สั่น ในกรณีที่จำเป็นต้องถ่ายด้วยค่าความเร็วชัตเตอร์ที่ต่ำกว่า 1/30 สามารถมองหา ขาตั้งกล้อง เพื่อช่วยให้ถ่ายภาพได้คมชัดยิ่งขึ้น

สำหรับการถ่ายภาพสินค้า พยายามตั้งค่าที่เกินกว่า 1/30 ก็จะอยู่ในช่วงที่ปลอดภัย
ได้ภาพที่ออกมาสว่างและมีโฟกัสของภาพ อย่างแน่นอน
 
ถ่ายรูปสินค้า

ความไวแสงของเซ็นเซอร์กล้อง ( Exposure หรือ ISO )

การตั้งค่าความไวแสงของเซ็นเซอร์ คือ การตั้งค่าว่าให้เซ็นเซอร์มีความเร็วในการบันทึกแสงเร็วแค่ไหน โดยการทำงานนี้จะรับแสงหลังจากที่ผ่านการตั้งค่า f/stop และ ความเร็วของชัตเตอร์มาแล้ว ค่าความไวแสงของเซ็นเซอร์จะส่งผลโดยตรงกับภาพในด้านของ สี ความชัด และ รายละเอียดของภาพ

ค่าความไวแสงของเซ็นเซอร์จะถูกควบคุมด้วยค่า ISO โดยถ้าตั้งค่า ISO ต่ำ ตัวอย่างเช่น ISO 100หมายความว่า ความไวแสงของเซ็นเซอร์จะช้า บันทึกหรือซึมซับแสงได้น้อย โดยมากจะนิยมใช้กันในกรณีที่ถ่ายรูปสินค้าที่มีแสงสว่างมากเพียงพอ แต่ถ้าตั้งค่า ISO สูง ตัวอย่างเช่น ISO 5000หมายความว่า ความไวแสงของเซ็นเซอร์จะไวต่อการบันทึกและซึมซับแสงได้มากยิ่งขึ้น โดยมากจะใช้ในกรณีที่มีแสงน้อย แต่การตั้งค่า ISO สูง จะมีข้อเสียในเรื่องของ Noise ซึ่งทำให้ภาพที่ออกมาเป็นจุดๆ ไม่เนียนเรียบเหมือนกับภาพทั่วไป
 ถ่ายรูปสินค้า lookcamera

THE HISTOGRAM

การอ่านค่า Histogram หรือ ตารางวัดความสมดุลของแสง เป็นกุญแจสำคัญในการตั้งค่าความไวแสงของเซ็นซอร์กล้อง โดยเราสามารถอ่านค่านี้จากจอแสดงผลหลังกล้องถ่ายรูป หรือ ในโปรแกรมแต่งภาพทั่วๆไป
โดยทางด้านซ้ายมือ จะเป็น ค่าของความมืด/ดำ และ ทางด้านขวามือ จะเป็นค่าของความสว่าง/ขาว ความสูงของกราฟจะบอกถึงค่าของความสว่าง และ ส่วนยอดแหลมจะบอกถึงค่าพื้นที่ที่ไม่สามารถจับรายละเอียดได้ หรือ อาจแปลว่าได้ภาพเป็นสีขาว หรือ ดำ จนไม่สามารถเก็บรายละเอียดนั้นๆได้ ซึ่งค่านี้ไม่ได้หมายความว่าถ้ารูปทรงของกราฟ Histogram ที่ดูดีดูสมดุล เหมือนกับระฆังคว่ำ จะทำให้ได้ภาพที่สวยงาม เพราะภาพบางภาพจะมีรูปทรงของกราฟที่ไม่สมดุล แต่ดูออกมาสวยงามกว่ากราฟที่สมดุลได้เช่นกัน
 
สำหรับการถ่ายภาพสินค้า ควรที่จัดแสงไฟให้มีความสว่างมากพอ และไม่ควรเลือก ISO ที่ไม่ค่าสูง 
ถ่ายสินค้า

สี กับ การถ่ายภาพสินค้า

สีกับการถ่ายภาพสินค้าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการเลือกซื้อสินค้านั้น สีเป็นปัจจัยอันดับต้นๆ ในตามความชอบของผู้บริโภค สีของสินค้าในภาพถ่าย ควรที่จะเหมือนกับสีของสินค้าจริงๆ ที่เรามองเห็น

หลอดไฟที่ใช้ในการถ่ายภาพสินค้า ควรเลือกใช้หลอดไฟที่มีกำลังไฟมากพอที่จะเก็บรายละเอียดต่างๆ และ ให้สีของแสงที่ถูกต้อง หรือ เป็นแสงที่ออกสีขาว เพื่อไม่ส่งผลกระทบต่อสีของสินค้าให้เปลี่ยนไปจากความเป็นจริง รวมไปถึงแสงเงาสะท้อนที่เกิดจากแสงไฟ ให้สีของเงามีความเป็นประกายที่ถูกต้อง
การตั้งค่า White Balance ที่ถูกต้องเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยปรับอุณหภูมิสีของภาพให้ถูกต้อง โดยการตั้งค่านั้น วิธีง่ายๆ ในกรณีที่ไม่มีอุปกรณ์ ลองใช้กล้องถ่ายรูปจับสีขาว และ ปรับ white balance จนได้ภาพที่เป็นสีขาวจริงๆ แล้วจะทำให้สีอื่นๆ จะถูกต้องตามมาเช่นเดียวกัน สำหรับมืออาชีพสามารถใช้ แผ่นตั้งค่า white balance สีขาว และ สีเทา ที่มีขายในท้องตลาดเพื่อตั้งค่า white balance ที่ถูกต้องก่อนการเริ่มถ่ายภาพ
 
ข้อควรระวัง การที่เราใช้สีของแสงที่ไม่เหมือนกันในการถ่ายภาพสินค้า เช่น ใช้แสงธรรมชาติผสมกับแสงจากโคมไฟ จะทำให้กล้องไม่สามารถที่จะจับอุณหภูมิสีที่ถูกต้องได้ ส่วนการใช้ฉากหลังที่มีสีในการถ่ายภาพสินค้า ควรที่จะระวังเรื่องสีของฉากหลังสะท้อนลงบนตัวสินค้า และทำให้สินค้าสีเปลี่ยนจากสีจริงได้

ติดตาม บทความต่อๆไป เร็วๆนี้...

Content by Lookcamera ถ่ายภาพสินค้า

ชุดอุปกรณ์ถ่ายภาพสินค้า เต็นท์ถ่ายภาพ สตูดิโอถ่ายภาพสินค้า

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
http://www.lookcamera.com
http://www.facebook.com/lookcamerashop

วันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2557

พื้นฐานก่อนเริ่มต้นถ่ายภาพสินค้า ตอนที่ 1


พื้นฐานก่อนเริ่มต้นถ่ายภาพสินค้า ตอนที่ 1

การถ่ายภาพ คือ วาดเส้นแสง โดยแสงจะถูกวาดเมื่อผ่านเลนส์และตัวเซ็นเซอร์ของกล้องถ่ายรูป หลังจากนั้นเส้นแสงจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นภาพถ่ายเหมือนกับภาพที่เรามองเห็นได้ เพราะฉะนั้นหลักเริ่มต้นของการถ่ายภาพที่ดี โดยเฉพาะการถ่ายภาพสินค้านั้น เรื่องของแสงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก

แสงนุ่ม vs แสงแข็ง

ไม่ว่าจะเป็นแสงธรรมชาติ หรือ แสงจากแหล่งกำเนิดแสงอื่นๆ เช่นหลอดไฟ โคมไฟต่างๆ จะมีทั้ง แสงที่นุ่ม และ แสงที่แข็ง
แสงนุ่ม คือ แสงที่มาจากแหล่งกำเนิดแสงที่มีขนาดใหญ่ พื้นที่การให้แสงสว่างใหญ่กว่าขนาดของสินค้า หรือ แสงที่ผ่านจากตัวกรองแสง ซึ่งทำให้แสงดูอ่อนนุ่ม อ่อนโยน และ มีเงาที่น้อยลง

แสงแข็ง
 คือ แสงที่มาจากแหล่งกำเนิดแสงที่มีขนาดเล็ก พื้นที่การให้แสงสว่างเล็กกว่าขนาดของสินค้าและเป็นแสงที่ส่องโดยตรง ซึ่งจะทำให้เกิดเงามืดบนภาพถ่ายได้ง่าย

การเลือกแสงถ่ายภาพ ไม่มีคำว่าถูกหรือผิด แต่สำหรับการถ่ายภาพสินค้านั้น ควรเลือกใช้แสงที่นุ่มมาใช้ถ่ายภาพ เนื่องจากแสงที่นุ่มจะนำความสว่างทอดไปตามตัวสินค้าได้ดีกว่า และ ทำให้สินค้าดูมีมูลค่า ดูน่าซื้อมากกว่าแสงที่แข็ง โดยแสงเงาที่เกิดขึ้นบนตัวสินค้า คือหัวใจหลักในการสร้งความรู้สึก และ มิติของความรู้สึกของสินค้านั้นๆ

ถ่ายรูปสินค้า


ลักษณะการจัดแสงไฟถ่ายภาพสินค้าเบื้องต้น

Backlight หรือ แสงที่มาจากทางด้านหลังของสินค้า คือการใช้แสงสร้าง Rim lighting หรือ เส้นขอบที่เกิดจากแสงรอบตัวสินค้า เป็นเทคนิคที่นิยมมากเพื่อที่จะแยกสินค้าออกจากพื้นหลังได้อย่างชัดเจน และ สามารถสร้าง highlight ที่ดูอบอุ่น หรือ สร้างความเปล่งประกายบนขอบของตัวสินค้าได้เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตาม backlight จะทำให้เกิดเงา และ เกิดพื้นที่มืดทางด้านหน้าของตัวสินค้าได้ง่าย

Sidelight หรือ แสงที่มาจากทางด้านข้างของสินค้า แสงจะกระจายความสว่างออกเป็นระยะๆ โดยด้านตรงข้ามของแสงจะเกิดเงามืด เพราะฉะนั้นการเลือกใช้ sidelight ควรใช้ทั้ง 2 ข้างเพื่อสร้างความสมดุลของแสง และ เงาของภาพถ่าย

Frontlight หรือ แสงที่มาจากด้านหน้าของสินค้า แสงจากด้านหน้าจะนิยมใช้กันในกรณีที่ต้องการทำให้พื้นหลังเกิดเงามืด ตัวอย่างเช่น การใช้พื้นหลังสีขาวสามารถเปลี่ยนเป็นพื้นหลังสีเทาได้โดยการจัดไฟแบบนี้ ถ้าใช้ Front light ส่องแสงสว่างจากด้านหน้าเข้าหาตัวสินค้า

Toplight หรือ แสงจากด้านบนของสินค้า แสงนี้จะช่วยในการลบเงาสินค้าด้านบน แต่ไม่สามารถให้แสงสว่างทางด้านข้างของตัวสินค้าได้ จึงเหมาะสำหรับใช้ในการประกอบกับไฟจากทิศทางอื่นๆ ความสำคัญของ toplight คือการเพิ่มความสมดุลของแสงสว่าง และ ช่วยในการสร้างเส้นแสงบนตัวสินค้าจากทางด้านบนเพื่อให้เส้นแสงต่อกันดูสวยงามมากยิ่งขึ้น และสามารถเก็บรายละเอียดของสินค้าได้ชัดเจนยิ่งขึ้นอีกด้วย

ปรับสมดุลของแสงเพื่อให้ได้ภาพสินค้าตามต้องการ

จุดสมดุลของแสงและเงา สำหรับการถ่ายภาพเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก เพราะถ้าแสงที่น้อยเกินไป จะทำให้ได้ภาพที่ได้รบกวนจิตใจและเสียความรู้สึกเป็นอย่างยิ่ง แต่อย่างไรก็ตาม มีวิธีง่ายๆ มาแนะนำในการสร้างสมดุลของแสงสว่างสำหรับถ่ายภาพสินค้าเบื้องต้น
ในกรณีที่ต้องการสร้างความสมดุลของแสงสำหรับถ่ายภาพสินค้า และ ลดแสงเงาที่เกิดขึ้นเนื่องจากแหล่งกำเนิดแสงมีแสงที่แข็งเกินไป สามารถใช้สิ่งที่โปร่งแสง อาจจะเป็นผ้าสีขาวบางๆ หรือ กระดาษบางๆ ที่โปร่งแสงมาช่วยลดความแข็งของแสงให้นุ่มขึ้น และช่วยกระจายแสงจากแหล่งกำเนิดแสงให้มีขนาดพื้นที่ที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม เพื่อทำให้แสงกระจายได้เท่าๆกัน และ กว้างมากยิ่งขึ้น หรือ สามารถใช้อุปกรณ์ถ่ายภาพเฉพาะในท้องตลาด เช่น สตูดิโอถ่ายสินค้า เต็นท์ถ่ายภาพสินค้า กล่องถ่ายภาพสินค้า ในการช่วยกระจายแสง สร้างความสมดุลได้ง่ายยิ่งขึ้น
ในกรณีที่ใช้โคมไฟอ่านหนังสือ โคมไฟทั่วไป ให้ระวังในเรื่องกำลังไฟ และ สีของแสง เนื่องจากจะมีผลกระทบต่อการถ่ายภาพสินค้าได้โดยตรง ซึ่งเป็นเหตุผลว่าในบางครั้ง เราใช้อุปกรณ์ DIY ในการถ่ายภาพสินค้าแล้วไม่ได้ภาพอย่างที่อยากได้ เนื่องจากแหล่งกำเนิดและสีเป็นสิ่งสำคัญ (เกี่ยวกับการเลือกใช้อุปกรณ์ ไว้ติดตามในบทความต่อๆไป)
 
ถ่ายรูปสินค้า lookcamera 

อย่าใช้แฟลชในการถ่ายสินค้าถ้าไม่จำเป็น

แฟลชเป็นที่นิยมในการถ่ายภาพทั่วๆไป เนื่องจากตัวกล้องถ่ายรูปในปัจจุบันจะมีแฟลชติดมาให้ในตัว เพื่อความสะดวก รวดเร็วในการถ่ายภาพ เพิ่มแสงสว่างให้ภาพได้ง่ายๆ แต่แฟลชจะไม่เหมาะกับการถ่ายภาพสินค้า เนื่องจากพื้นที่ของแฟลชมีขนาดเล็กและให้แสงสว่างที่ไม่เพียงพอ จึงไม่สามารถครอบคลุมพื้นที่ได้ทั่วถึง และ ด้วยเหตุนี้จะเกิดเงามืดในบริเวณที่แสงแฟลชไปไม่ถึงได้ง่ายๆ แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้แฟลชในบางกรณี ตัวช่วยในการกระจายแสงแฟลชเป็นตัวเลือกที่ดี เพื่อเพิ่มพื้นที่ และ ลดแสงแฟลชที่เป็นแสงแข็งได้อย่างดี
 

Content by Lookcamera ถ่ายภาพสินค้า

ชุดอุปกรณ์ถ่ายภาพสินค้า เต็นท์ถ่ายภาพ สตูดิโอถ่ายภาพสินค้า

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
http://www.lookcamera.com
http://www.facebook.com/lookcamerashop